วัดโรงบ่มเดินหน้าเคลียร์พื้นที่ หลังศาลมีคำสั่งยุติกิจกรรม “สำนักโรงเจเจ้าพ่อกวนอู” ครบกำหนด 5 ปี – เตรียมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง สร้างอุโบสถและแนวเขตวัดใหม่
เพชรบูรณ์ – วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 จากกรณีปมพิพาทระหว่าง วัดโรงบ่มสามัคคี ตำบลยางงาม อำเภอหนองไผ่ กับ สำนักโรงเจเจ้าพ่อกวนอู ที่ใช้พื้นที่วัดในการประกอบกิจกรรมต่างศาสนา จนนำไปสู่ความขัดแย้งยืดเยื้อและคำสั่งศาลให้ยุติกิจกรรมทั้งหมดภายในบริเวณวัด ล่าสุดเจ้าอาวาสวัดโรงบ่มฯ พร้อมคณะสงฆ์ และคณะกรรมการวัด มีมติเดินหน้าเข้าฟื้นฟูพื้นที่ เตรียมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมที่ยังหลงเหลือ เพื่อใช้พื้นที่ในการสร้างอุโบสถและกำหนดแนวเขตวัดอย่างชัดเจน
พระอธิการนุช ฉฬภิณโญ เจ้าอาวาสวัดโรงบ่มสามัคคี เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมหารือร่วมกับพระครูวรพัชรศาสน์ วัดหนองไลย์ เจ้าคณะตำบลนาเฉลียง และพระครูปลัดปริยัติวัฒน์ (พระครูโอม) วัดใหม่สามัคคี เลขานุการเจ้าคณะตำบล พร้อมคณะไวยาวัจกรและกรรมการวัด เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน
โดยที่ประชุมได้มีมติร่างหนังสือแจ้ง 2 ฉบับถึงกลุ่มบุคคลที่ยังคงอยู่ภายในพื้นที่บริเวณสิ่งปลูกสร้างเดิม ซึ่งเคยเป็นของสำนักโรงเจฯ ตามคำสั่งศาลที่ให้ยุติกิจกรรมและให้ย้ายออกจากพื้นที่วัด โดยศาลได้ผ่อนผันระยะเวลาไว้ 5 ปี ซึ่งขณะนี้ได้ครบกำหนดแล้วอย่างเป็นทางการ
หนังสือฉบับแรก เป็นหนังสือแจ้งขอความร่วมมือให้ผู้ที่ยังใช้พื้นที่ดังกล่าวยุติการกระทำ และออกจากพื้นที่ภายในเวลาที่กำหนด
หนังสือฉบับที่สอง ระบุถึงการที่ทางวัดจะเข้าดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ยังหลงเหลืออยู่ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่สำหรับการก่อสร้างอุโบสถ และสร้างรั้วแสดงแนวเขตวัดให้ชัดเจนตามมติมหาเถรสมาคม และตามความเห็นชอบของญาติโยมผู้ศรัทธาในพื้นที่รอบวัด
ทั้งนี้ เหตุปะทะและความวุ่นวายจากการรื้อถอนในช่วงที่ผ่านมา สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของวัดโรงบ่มฯ และศาสนสถานโดยรวม ซึ่งคณะกรรมการวัดยืนยันว่า ความเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและคำพิพากษาของศาล
อย่างไรก็ตาม ทางวัดยืนยันไม่ประสงค์ให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มลูกศิษย์สำนักโรงเจเจ้าพ่อกวนอู แต่ขอให้ทุกฝ่ายเคารพกระบวนการยุติธรรม และคืนพื้นที่วัดให้กลับคืนสู่สภาพศาสนสถานของพระพุทธศาสนา เพื่อความสงบร่มเย็นของวัดและชุมชน
สถานการณ์ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยคณะสงฆ์ในพื้นที่พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากจำเป็นต้องขอความร่วมมือในการไกล่เกลี่ย เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลาม หรือถูกแอบอ้างใช้วัดเป็นฉากหน้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่สอดคล้องกับหลักพุทธธรรม