พอช.ให้เวลาลูกหนี้คุยกันจบภายใน 1 เดือน ขู่จะฟ้องหากเบี้ยวหนี้ กรณีชาวบ้านตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ 109 ราย ตกเป็นหนี้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช.กว่า 6 ล้านบาท หลังกรรมการ 25 คนกู้เงินมาลงทุนทำปุ๋ยอัดเม็ดเมื่อปี 2548 แล้วเบี้ยวจ่าย จึงถูกหนังสือทวงหนี้ก่อนสิ้นอายุความ 20 ปี พากันเข้าร้องสื่อมวลชนนำพาร้องศูนย์ดำรงธรรม เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ผ่านมานั้น

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 13 ก.พ.ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ นางสาวแกมแก้ว คงเชื้อนาค ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ มีนายหนูเกณฑ์ ศรีบัว หัวหน้าปฏิบัติการชุมชน ของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนจังหวัดขอนแก่นหรือ พอช.เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดบึงกาฬพร้อมส่วนเกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อชี้แจง ให้กับสมาชิกเครือข่ายเจ็ดสีเพื่อการผลิตโครงการผลิตปุ๋ยชีวภาพจำนวน 109 รายและกรรมการอีก 25 คนได้รับทราบข้อเท็จจริง ซึ่งตั้งอยู่ตำบลบ้านต้อง กรณีทวงหนี้กู้ยืมเงินมาลงทุนกว่า 6 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยนานเกือบ 20 ปี
โดยนายหนูเกณฑ์ ศรีบัว หัวหน้าปฏิบัติการชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนจังหวัดขอนแก่น ได้กล่าวถึงความจำเป็นในการทวงหนี้สมาชิกและกรรมการในครั้งนี้ก็เนื่องจากว่า การให้กู้ยืมเงินมาลงทุนในครั้งนี้ได้ล่วงเลยเวลามานานเกือบ 20 ปีแล้ว ซึ่งอีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นอายุความ ถ้าหากยังเพิกเฉยไม่ทวงถามติดตามหนี้พวกตนก็จะมีความผิดไปด้วย ถ้าหากว่าผู้ใดมีหลักฐานในการชำหนี้ก็ให้นำมาแสดงว่าตนเองได้จ่ายหรือชดใช้หนี้สินไปเป็นเงินเท่าไรแล้ว ซึ่งชาวบ้านที่กู้เงินมาก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานก็ไม่ได้เก็บหลักฐานเอกสารอะไรไว้แล้ว บางคนที่ถูกทวงหนี้ก็เป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะสมัยนั้นผู้ทำสัญญาก็น่าจะเป็นพ่อหรือแม่ซึ่งท่านก็ไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว ที่สำคัญสมาชิกที่ถูกทวงหนี้ 109 คนก็เป็นคนผู้เข้าร่วมประชุมรับฟังนโยบายหรือเงื่อนไขการให้กู้ยืมเงิน บางคนเขียนชื่อตัวเองก็ไม่เป็น อย่างเก่งก็ปั๊มลายมือก็ยังถูกนำไปแอบอ้างว่าเป็นคนค้ำประกันเงินกู้ของกรรมการจำนวน 25 คน คือมีลายเซ็นพร้อมเขียนชื่อในวงเล็บด้วยซ้ำ

ทางด้านนายลือชัย คำหงษา อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านโนนสวนหม่อนและกำนัน ต.บ้านต้อง ซึ่งเป็น 1 ใน 25 กรรมการกู้ยืมเงินในชุดแรกได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ในฐานะผู้นำหมู่บ้านสมัยนั้นก็ได้ชักชวนลูกบ้านมาร่วมประชุมรับฟังนโยบายการกู้ยืมเงินจาก พอช.ตนก็ได้เป็นกรรมการและผู้กู้รายหนึ่งจำนวนเงิน 3 แสนบาท รวมๆ ทั้ง 3 กลุ่มกู้ไปกว่า 2 ล้านบาท แรกๆ ก็ได้ส่งเงินต้นทั้งดอกเบี้ย แต่ส่งไปบางครั้งก็ได้ใบเสร็จบางครั้งก็ไม่ได้ จึงได้หยุดส่ง 2 ปีผ่านมาได้รับใบแจ้งทวงหนี้เป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท ก็ตกใจเหมือนกัน ก็แปลกใจว่าส่งใช้หนี้ไปทำไมเงินต้นแทบไม่ลดลงเลย ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือชาวบ้านที่มาลงชื่อเข้าร่วมประชุม 109 คนกลับกลายเป็นคนค้ำประกันเงินกู้ไปได้ พร้อมกับได้รับหนังสือทวงหนี้อีกต่างหาก ส่วนเจ้าหนี้มาพบวันนี้ให้กรรมการทั้ง 25 คนตกลงคุยกันให้ได้ข้อสรุปว่าจะยอมจ่ายหนี้ไหม เงินที่กู้มาซื้อทรัพย์สินเอาไว้ก็ขายมาใช้หนี้ ก็คงจะลดดอกเบี้ยให้ และให้เวลาคุยกันภายใน 1 เดือน ถ้าคุยกันไม่ได้ก็จะถูกฟ้องร้องต่อไป.

ณัฏฐ์ ณฐพรหม ข่าวภาค4 //บึงกาฬ 0628256546