“ทุ่งรักนาเรา ปลูกข้าวปันรักปันสุข” ปีที่ 3 สืบสานวัฒนธรรมทำนา สร้างข้าวเพื่อชุมชน

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าโครงการ “ทุ่งรักนาเรา ปลูกข้าวปันรักปันสุข” ณ ตำบลห้วยโป่ง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งริเริ่มและดำเนินการโดย นายโกมล วงษ์บัณฑิตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโป่ง ในนามคณะกรรมการดำเนินโครงการ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างคุณค่าใหม่จากสิ่งที่ถูกมองข้าม และนำกลับมาสร้างประโยชน์แก่ผู้ยากไร้ในสังคม

นายโกมล เปิดเผยว่า แนวคิดโครงการเริ่มต้นจากการลงพื้นที่พบว่า หลังการเก็บเกี่ยว ชาวนามักปล่อยทิ้งหรือเผา “ลูกต้นข้าว” ซึ่งแตกกอขึ้นมาใหม่ เนื่องจากความเชื่อโบราณว่าไม่ควรนำมาบริโภค จึงเกิดแนวคิดที่จะนำข้าวส่วนนี้มาสีเป็นข้าวสาร แล้วนำไปแจกจ่ายแก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และครอบครัวที่ขาดแคลน โดยใช้ รพ.สต.ห้วยโป่งเป็นศูนย์กลางการกระจาย

โครงการเริ่มต้นในปีที่ 1 สามารถจัดหาข้าวสารได้กว่า 170 ถัง แจกจ่ายให้กับครัวเรือนเปราะบางตามเกณฑ์ที่กำหนด สร้างความตื้นตันใจแก่ผู้รับเป็นอย่างมาก ปีที่ 2 ได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากชุมชน ทั้งแรงงาน รถเกี่ยว รถลาก และการบริจาคข้าวจากเพื่อนบ้าน ทำให้ได้ข้าวสารเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 270 ถัง

ปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 3 นายโกมลได้จัดสรรที่นาของครอบครัวราว 7 ไร่ เป็น “แปลงสาธิต” ภายใต้ชื่อ “ทุ่งรักนาเรา ปลูกข้าวปันรักปันสุข” เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการทำนาแก่เยาวชนรุ่นใหม่ และเป็นการต่อยอดจากโครงการ “ปันรักปันสุข” ที่ริเริ่มมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ยังคงรักษาเจตนารมณ์หลักคือการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อส่งมอบต่อแก่กลุ่มเปราะบางในชุมชน

โครงการดังกล่าวยังเคยได้รับความสนใจจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเมื่อได้ลงพื้นที่และเห็นถุงข้าวสารที่มีโลโก้องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโป่งติดอยู่ ก็ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและเจตนารมณ์ของการดำเนินงาน และนำแนวคิดไปเผยแพร่แก่พื้นที่อื่น ๆ ให้สามารถนำไปปรับใช้

สำหรับพิธีเปิดโครงการปีที่ 3 จัดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ณ หมู่ 4 บ้านใหม่สามัคคี ตำบลห้วยโป่ง โดยมี นายเสกสรร กลิ่นพูน นายอำเภอหนองไผ่ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ ด.ต.ชัชวาลย์ สุทธะ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ นายเกรียงไกร ประสบลาภ กำนันตำบลห้วยโป่ง ตลอดจนผู้ใหญ่บ้าน คณะครู นักเรียน และประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

บรรยากาศการเปิดงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและพลังแห่งความร่วมมือของคนในชุมชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการสืบสานวัฒนธรรมการทำนา ควบคู่ไปกับการสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ด้อยโอกาสอย่างเป็นรูปธรรม