ร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ ปมที่ดินถูกลุกล้ำทำเหมืองสาธารณะ อดีตครูยืนยันต่อสู้ถึงที่สุด

เพชรบูรณ์ – วันที่ 16 มิถุนายน 2568 นางเพลินพิศ ประดับมุข อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการครู บ้านเลขที่ 1 หมู่ 7 ตำบลท่าแดง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เดินทางเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองไผ่ พร้อมนำเอกสารหลักฐานยื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองไผ่ กรณีที่ดินของตนบางส่วนถูกนำไปใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่ทำเหมืองสาธารณะ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของ และยังอยู่นอกแนวเหมืองเดิมที่เคยกำหนดไว้

นางเพลินพิศเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตนเคยสละพื้นที่ด้านทิศตะวันตกของที่ดิน เพื่อขยายถนนให้ชุมชนใช้งานโดยสมัครใจ ยินยอมให้กว้างเพิ่มขึ้นอีก 1 เมตรตลอดแนว แต่ต่อมาได้ว่าจ้างเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินสาขาหนองไผ่ เข้าทำการรังวัดเพื่อตรวจสอบแนวเขตที่ชัดเจน โดยมีนายธนพงศ์ ทองสรวง นายช่างรังวัดปฏิบัติงานเป็นผู้ดำเนินการ

จากการตรวจสอบโฉนดที่ดินเลขที่ 13415 ระวาง 5240 IV 3266 (1:4000) เลขที่ดิน 28 หน้าสำรวจ 1729 มีพื้นที่รวม 6 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา พบว่าแนวเขตที่ดินได้เปลี่ยนไป โดยไปจดกับพื้นที่เหมืองสาธารณประโยชน์ ซึ่งไม่เคยมีอยู่มาก่อน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าที่ดินของตนอาจถูกลุกล้ำโดยมิชอบ จึงได้ยื่นเรื่องขอยกเลิกการรังวัดครั้งแรก เนื่องจากแนวเขตไม่ตรงตามโฉนด และหมุดเขตบางจุดสูญหาย

ต่อมา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 นางเพลินพิศได้ยื่นขอรังวัดใหม่ครั้งที่สอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแยกพื้นที่ที่เคยมอบให้เป็นทางสาธารณะ และเพื่อจัดสรรให้แก่บุตรธิดาทั้งสามคน แต่การรังวัดกลับไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากแนวเขตติดกับที่ดินของนางสมบัติ ซึ่งไม่ยินยอมให้ใช้พื้นที่อ้างอิงเขต อีกทั้งยังมีข้อพิพาทเรื่องแนวเหมือง ที่นางสมบัติต้องการให้ขยายล้ำเข้ามาในพื้นที่ของผู้ร้อง ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง

กระทั่งเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 องค์การบริหารส่วนตำบลท่าแดง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่รังวัดลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบแนวเขตตามโครงการรังวัดที่สาธารณประโยชน์หมู่ 6 โดยมีหนังสือแจ้งให้นางเพลินพิศเข้าร่วมชี้แนวเขตและลงชื่อรับรอง แต่กลับพบเจ้าหน้าที่ประมาณ 5 คน นำไม้ปักแนวบริเวณแปลงนาที่ปลูกข้าวของตน พร้อมเตรียมวางท่อระบายน้ำ 3 ท่อ ตามโครงการพัฒนา อบต. โดยไม่มีการขออนุญาต ทำให้เจ้าของที่ดินเกิดความไม่พอใจ และร้องขอให้หยุดดำเนินการ

นางเพลินพิศระบุว่า ที่ผ่านมาตนพยายามขอความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ที่ดินถึงสองครั้ง แต่ไม่ได้รับคำอธิบายหรือเปิดแผนที่ต่อหน้าทุกฝ่ายอย่างโปร่งใส ปล่อยให้ประชาชนทะเลาะกันเอง ทำให้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม

ขณะนี้นางเพลินพิศได้แต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินคดี พร้อมยื่นเรื่องขอสอบคืนหมุดเขตที่ดินตามกระบวนการกฎหมาย และยืนยันว่าจะต่อสู้เรียกร้องสิทธิในที่ดินของตนอย่างถึงที่สุด

กรณีนี้ยังต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในประเด็นการตรวจสอบจากหน่วยงานที่ดินและกระบวนการไกล่เกลี่ยจากภาครัฐ เพื่อคลี่คลายข้อพิพาท และสร้างความเข้าใจระหว่างชาวบ้านในพื้นที่ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย.