เวทีรับฟังความคิดเห็นเหมืองแร่เหล็กที่ตาคลีผ่านพ้นด้วยดี “ศุภผล จริงจิตร” ชื่นชมอุตสาหกรรมจังหวัดทำหน้าที่รอบด้าน
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่วัดหนองตาราม หมู่ที่ 4 ตำบลหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ตามคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เหล็กอุตสาหกรรมชนิดเหมืองแร่เหล็ก ของบริษัท อาร์.เอส.พี. รีซอทส์เซ็ส แมนเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งได้ยื่นคำขอไว้เป็นคำขอที่ 4/2558 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 221 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลหนองโพ อำเภอตาคลี
การดำเนินการครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 56 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 และสอดคล้องกับหลักการมีส่วนร่วมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โดยมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นจำนวนมาก ประกอบด้วยผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของหมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 11 ตำบลหนองโพ อำเภอตาคลี รวมถึงหมู่ที่ 3 ตำบลไร่พัฒนา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท
บรรยากาศในเวทีเต็มไปด้วยความตื่นตัวในการแสดงความคิดเห็น ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่มีความเห็นต่าง โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังและชี้แจงข้อมูล อาทิ ดร.สุคนธ์ทิพย์ สินวิวัฒนากูล อุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์, นายบัณฑูร ประดิษฐสุวรรณ์ ปลัดอำเภอตาคลี (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ), และ ส.ส.พีระเดช ศิริวันสาณฑ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดนครสวรรค์
ดร.สุคนธ์ทิพย์ สินวิวัฒนากูล ได้กล่าวชี้แจงต่อประชาชนในเวทีถึงบทบาทของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการพิจารณาเท่านั้น และไม่มีอำนาจให้หรือไม่ให้ประทานบัตรแต่อย่างใด พร้อมขอความเข้าใจจากกลุ่มที่มีความเห็นต่างว่า ทุกขั้นตอนต้องดำเนินการโดยเปิดเผยและยึดหลักกฎหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและชุมชนในพื้นที่
ในการนี้ นายศุภผล จริงจิตร ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวภาค 6 นิตยสารตำรวจเพื่อมวลชน ซึ่งได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ ได้กล่าวชื่นชมการทำหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ ที่สามารถสื่อสารกับชาวบ้านได้อย่างชัดเจนและสร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มที่มีความเห็นต่าง จนเวทีสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ไม่มีเหตุวุ่นวาย
ทั้งนี้ การรับฟังความคิดเห็นถือเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีโอกาสรับรู้ข้อมูลอย่างรอบด้าน และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่ออนาคตของพื้นที่ตนเองอย่างแท้จริง