เพชรบูรณ์เดือด! นายกฯ–รัฐมนตรีตบเท้าลงพื้นที่ถี่ยิบ สะท้อนศึกการเมืองแตกหัก “บ้านใหญ่” ปะทะ “สายใหม่” เลือกตั้งนี้ไม่มีคำว่านิ่ม
เพชรบูรณ์ – 2 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวสายการเมืองวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์เริ่ม “ร้อนระอุ” อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจังหวัดเพชรบูรณ์ประชุมเตรียมความพร้อมต้อนรับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามการขับเคลื่อนนโยบาย “คนละครึ่งพลัส” และการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ในวันที่ 6 ธันวาคม 2568
โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ลงพื้นที่ติดตามนโยบายสำคัญ พร้อมมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ ห้องเมืองราด ชั้น 5 อาคาร 2 ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ และมี นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
นายจักรัตน์ พั่วช่วย ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 2 พร้อมด้วย นายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 3 ทำหน้าที่ประสาน นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงพื้นที่ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ แจกผ้าห่มช่วยเหลือชาวบ้านต้านภัยหนาวกว่า 1,200 ผืน พร้อมประกาศของขวัญปีใหม่ ปรับเบี้ยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นเดือนละ 1,000 บาททั่วประเทศ
และถัดมาเพียงวันเดียว นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ เพื่อติดตามคุณภาพชีวิตและการท่องเที่ยวชุมชน จากการประสานงานโดย นายจักรัตน์ พั่วช่วย และนายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล
ปรากฏการณ์ที่ รัฐมนตรีหลายกระทรวง รวมถึงนายกรัฐมนตรี ตบเท้าลงพื้นที่เพชรบูรณ์ถี่ขนาดนี้ ถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือ “สัญญาณการเมืองใหญ่” ที่กำลังเปิดฉากศึกเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ
แตกหัก “บ้านใหญ่” จุดชนวนศึกเลือกตั้งเดือดแหล่งข่าวการเมืองระบุว่า จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่การที่ นายจักรัตน์ พั่วช่วย หันหลังอำลาบ้านใหญ่เดิม ที่มี นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ เป็นผู้คุมเกมการเมืองทั้งจังหวัด
ก่อนหน้านี้ นายอัครเดชได้เปิดตัวนายยุพราช บัวอินทร์ บนเวทีงานวันเกิดอย่างเป็นทางการ พร้อมส่งเข้าชิงเก้าอี้ ส.ส.เขต 2 ชนตรงกับเจ้าถิ่น “แชมป์เก่า” อย่าง นายจักรัตน์ พั่วช่วย ที่ครองฐานการเมืองสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อถึงรุ่นลูก
การแตกคอกลางสนามเช่นนี้ทำให้ นายจักรัตน์จับมือนายชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล เตรียมเปิดเกมรุกใน เขต 3 ท้าชนกับ นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ ส.ส.คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้เอาชนะนายยุพราชในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก่อนที่ นายยุพราชจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ตามบ้านใหญ่เข้าพรรคภูมิใจไทย
จับตา “กล้าธรรม–ธรรมนัส” หลังฉากศึกขณะเดียวกัน กระแสการเมืองสะพัดว่า นายจักรัตน์ และนายชัยณรงค์ กำลังเตรียมเดินเข้าพรรค “กล้าธรรม” ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นแกนหลักทางการเมือง ส่งผลให้ภาพการเมืองเพชรบูรณ์เปลี่ยนจาก “การเมืองนิ่ง” กลายเป็น “สมรภูมิรบเต็มรูปแบบ”
นักวิเคราะห์ย้ำว่า การที่รัฐมนตรีหลายกระทรวงเร่งลงพื้นที่ต่อเนื่อง รวมถึงการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในเร็ววันนี้ คือสัญญาณของการชิงฐานเสียงเชิงยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน
“คำถามใหญ่ถึงประชาชนเพชรบูรณ์”ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเลือกชื่อในบัตร แต่คือ การตัดสินอนาคตการเมืองทั้งจังหวัด ระหว่าง“การเมืองแบบนิ่ง อยู่กับบ้านใหญ่”หรือ “การเมืองแบบร้อนแรง แข่งขันดึงงบ–ดึงนโยบายเข้าพื้นที่” สุดท้าย ประชาชนเพชรบูรณ์จะเป็นผู้ตัดสิน ว่าจะยอม “ถูกกลืนหายไปกับความเงียบ” เหมือนในอดีต หรือจะเลือก “การเมืองเดือด” เพื่อช่วงชิงผลประโยชน์กลับคืนสู่ท้องถิ่น สนามเลือกตั้งครั้งนี้…เพชรบูรณ์ ไม่มีคำว่าสบายอีกต่อไป












