หวิดวุ่นวันเข้าพรรษา! ชาวบ้านปะทะกลุ่มลูกศิษย์โรงเจ ปมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างวัดโรงบ่ม – ตำรวจระงับเหตุฉุกเฉิน หวิดบานปลาย

เพชรบูรณ์ – วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 บรรยากาศวันเข้าพรรษาที่ควรจะเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา กลับกลายเป็นเหตุวุ่นวายบริเวณวัดโรงบ่มสามัคคีธรรม หมู่ที่ 3 ตำบลนาเฉลียง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ หลังเกิดเหตุปะทะคารมอย่างดุเดือดระหว่างชาวบ้านผู้สนับสนุนวัด กับกลุ่มลูกศิษย์โรงเจ “โรงบ่มนาเฉลียง” ที่เข้าขัดขวางการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในวัด ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดวิเชียรบุรี

ช่วงเช้าของวันนี้ คณะกรรมการวัดโรงบ่มสามัคคีธรรม นำรถแม็คโคร 2 คันุเข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในพื้นที่วัด ซึ่งเป็นจุดที่เคยใช้เป็นสถานปฏิบัติธรรมของโรงเจ “โรงบ่มนาเฉลียง” โดยอ้างอิงตามคำพิพากษาศาลจังหวัดวิเชียรบุรี คดีหมายเลขดำที่ ม.74/2562 และหมายเลขแดงที่ ม.16/2563 ซึ่งมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนและย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่พิพาท เนื่องจากศาลวินิจฉัยว่าสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดโดยชอบด้วยกฎหมาย และทั้งสองฝ่ายแถลงไม่ติดใจในการบังคับคดี

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการไม่เป็นไปตามแผน เมื่อกลุ่มลูกศิษย์โรงเจราว 20 คน นำโดยนางบุษบา เหง้าสาลี อายุ 54 ปี ผู้ก่อตั้งโรงเจ ได้รวมตัวกันเข้าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรอย่างเด็ดขาด ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากับชาวบ้านผู้สนับสนุนการรื้อถอนกว่า 100 คน บรรยากาศตึงเครียดขั้นสุด เสียงโต้เถียงดังลั่น หวิดลุกลามกลายเป็นเหตุรุนแรง

เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรนาเฉลียงต้องรีบเข้าควบคุมสถานการณ์โดยเร่งด่วน พร้อมเจรจาไกล่เกลี่ย เบื้องต้นยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยทั้งฝ่ายวัดและฝ่ายโรงเจต่างยืนยันสิทธิและเหตุผลของตนอย่างเข้มข้น

พระอธิการนุช ฉฬภิญโญ เจ้าอาวาสวัดโรงบ่มสามัคคีธรรม เปิดเผยว่า การดำเนินการครั้งนี้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย มีเจตนารมณ์ชัดเจนในการใช้พื้นที่สร้างอุโบสถและกำแพงวัดเพื่อรองรับกิจกรรมทางศาสนา และได้รับความเห็นชอบจากประชาคมหมู่บ้าน โดยก่อนหน้านี้วัดได้ออกประกาศให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 แต่ฝ่ายโรงเจยังคงฝ่าฝืนและไม่ยินยอมออกจากพื้นที่

ขณะที่ นางบุษบา เหง้าสาลี ตัวแทนกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมจากโรงเจ ยืนยันว่า ตนและกลุ่มลูกศิษย์ไม่มีเจตนาครอบครองที่ดินของวัด แต่เพียงต้องการรักษาสิ่งปลูกสร้างที่ยังสามารถใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ พร้อมปฏิเสธว่าไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใด ๆ และยอมรับว่าปัจจุบันไม่ได้มีกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

สำหรับความขัดแย้งระหว่างวัดกับโรงเจดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่เป็นข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2560 ก่อนที่วัดจะดำเนินการฟ้องขับไล่ในปี 2563 กระทั่งศาลมีคำพิพากษาชี้ขาดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบัน กลุ่มลูกศิษย์โรงเจยังคงยึดพื้นที่อยู่

ภายหลังเหตุปะทะ เจ้าหน้าที่จากหลายภาคส่วน ได้แก่ เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงตำรวจ ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์ โดยเบื้องต้น ได้สั่งให้รถแม็คโครหยุดการดำเนินการและเดินทางกลับ พร้อมกันนี้ คณะกรรมการวัดและเจ้าอาวาสได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ขัดขวางคำพิพากษาศาล

ขณะนี้สถานการณ์ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง จับตาว่าหน่วยงานภาครัฐและคณะสงฆ์ในพื้นที่จะสามารถหาทางออกเพื่อยุติความขัดแย้งได้หรือไม่ ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งสองฝ่ายที่ต่างไม่ยอมถอย