ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ร่วมพิธีสวดอภิธรรม “สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์” อดีต ส.ส. 6 สมัย เตรียมพิธีพระราชทานเพลิง 22 มิ.ย.นี้
กรุงเทพมหานคร — วันที่ 20 มิถุนายน 2568 นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย นางรุ่งระวี มีทองคำ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์ เดินทางร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพ นายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ หรือ “ส.ส.ดำ” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ 6 สมัย ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยโรคประจำตัว รวมสิริอายุ 72 ปี ณ โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยพิธีจัดขึ้นที่ศาลา 11 วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
พิธีในครั้งนี้มี ดร.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายไชยา พรหมมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติและผู้เคารพนับถือเข้าร่วมในพิธีจำนวนมาก
ทั้งนี้ นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสุประวีณ์ อนรรฆพันธ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 5 หลานชายผู้วายชนม์ พร้อมคณะครอบครัว ได้ให้การต้อนรับแขกผู้มาร่วมแสดงความอาลัยอย่างอบอุ่น
สำหรับนายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ (ส.ส.ดำ) ผู้วายชนม์ เป็นผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) และมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ว.) พร้อมเครื่องประกอบเกียรติยศพระราชทานในพิธี อาทิ น้ำหลวงอาบศพ โกศแปดเหลี่ยม ฉัตรเบญจา 10 ต้น ปี่กลองชนะแดง 10 ใบ โดยได้มีการประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00 น. ณ เมรุวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน
นายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ถือเป็นบุคคลสำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นนักการเมืองอาวุโสผู้ได้รับความเคารพอย่างกว้างขวาง ด้วยบทบาทในฐานะผู้แทนราษฎรที่ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 6 สมัย ก่อนจะวางมือจากเวทีการเมืองในการเลือกตั้งปี 2566 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ
ในโอกาสนี้ คณะเจ้าภาพขอเรียนเชิญญาติสนิท มิตรสหาย และผู้มีความเคารพนับถือ ร่วมพิธีไว้อาลัยและส่งดวงวิญญาณ “สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์” สู่สัมปรายภพโดยพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้ หากมีการบกพร่องมิได้มาเรียนเชิญด้วยตนเอง ขออภัยมา ณ โอกาสนี้