คณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจังหวัดเพชรบูรณ์เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยช่วงฤดูฝน
ในวันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ห้องเมืองราด ขั้น ๕ ศาลากลางจังหวัดเพชรณ์ อาคาร ๒ นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ แจ้งว่า กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งการเริ่มต้นฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๘ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๘ และในช่วงต้นฤดูฝนจะมีปริมาณฝนน้อย หลังจากนั้นปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น สำหรับฤดูฝนของประเทศไทยตอนบนจะสิ้นสุดประมานกลางเดือนตุลาคม ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้มีข้อสั่งการในการเตรียมความพร้อมและแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเน้นย้ำให้มีการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัยให้ครบถ้วนทุกมิติ ประกอบด้วยการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดอุทกภัย การบริหารสถานการณ์ขณะเกิดอุทกภัย การให้ความช่วยเหลือหลังเกิดอุทกภัย โดยขอให้สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น จากอุทกภัย ทั้งในด้านการบาดเจ็บ และสูญเสียชีวิต ความเสียหายด้านทรัพย์สินและที่อยู่อาศัย และความเสียหาย พื้นที่เกษตรกรรม รวมทั้งให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ กฎหมาย ที่กำหนดอย่างรวดเร็ว และทั่วถึง ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย
ให้ความสำคัญกับการสื่อสารในการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัย โดยอาศัยช่องทางการสื่อสารทุกช่องทางเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการรับมือสถานการณ์อุทกภัยของประชาชน เช่น หอกระจายข่าว เป็นต้น รวมทั้งใช้การสร้างความร่วมมือเครือข่ายทุกภาคส่วนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พิจารณาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมโดยวางแผนกักเก็บน้ำในเขื่อน และแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย และกักเก็บน้ำสำหรับไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง ชี้แจงทำความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการสนับสนุนภารกิจการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เช่น การจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว การจัดตั้งโรงครัวกลาง การแจกถุงยังชีพ เป็นต้น
สำหรับในช่วงที่ผ่านมามีพื้นที่ประสบสาธารณภัยในพื้นที่ ๑๑ อำเภอ ๗๕ ตำบล ๕๓๓ หมู่บ้าน ๒ เทศบาลเมือง และ ๑๖ ชุมชน ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวม ๘ อำเภอ จำนวน ๑,๙๒๕ ครัวเรือนๆ ละ ๙,๐๐๐ บาท รวมวงเงินช่วยเหลือ ทั้งสิ้น ๑๗,๓๒๕,๐๐๐ บาท การให้ความช่วยเหลือตามระเบียบเงินทดรองราชการฯ ด้านพืช วงเงินในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน ๖,๐๒๘ บาท วงเงินในอำนาจปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๒๔,๑๒๐,๒๔๓ บาทด้านประมง วงเงินในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน ๑๓,๔๖๗.๕๐ บาท วงเงินในอำนาจปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๗๗๖,๐๔๑.๕๐ บาท