ศึกเพชรบูรณ์เดือด! พรรคโอกาสใหม่เปิดตัว “ทองมา ทองอ่ำ” ปักธงชนแดน ลั่นชิงพื้นที่เขต 4 เขย่ากระดานเลือกตั้ง
สนามการเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ เขต 4 เริ่มร้อนแรงอย่างเป็นทางการ หลังพรรคโอกาสใหม่เปิดตัว นายทองมา ทองอ่ำ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังผ่านกระบวนการไพรมารีโหวตของพรรค ท่ามกลางการจับตาว่าเขตนี้จะกลายเป็นหนึ่งใน “สมรภูมิเดือด” ของการเลือกตั้งครั้งหน้า
การเปิดตัวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ณ บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 1 ตำบลซับพุทรา อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งถูกมองว่าไม่ใช่เพียงกิจกรรมภายในพรรค แต่เป็นการ “ส่งสัญญาณทางการเมือง” ถึงคู่แข่งในพื้นที่ ว่าพรรคโอกาสใหม่พร้อมลงสนามเต็มรูปแบบ และหวังแย่งฐานคะแนนในเขตที่การแข่งขันสูงและยังไม่มีผู้ครองพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จ
แหล่งข่าวทางการเมืองในพื้นที่ระบุว่า เพชรบูรณ์ เขต 4 เป็นเขตที่ประชาชนเริ่มตั้งคำถามต่อบทบาทของผู้แทนในอดีต ปัญหาเชิงโครงสร้างและปากท้องยังคงซ้ำรอยเดิม ทำให้การปรากฏตัวของผู้สมัครหน้าเดิมที่มากับ “ป้ายใหม่” ถูกจับตาว่าจะสามารถพลิกเกมและเจาะกลุ่มคะแนนเสียงที่กำลังลังเลได้มากน้อยเพียงใด
พรรคโอกาสใหม่ ซึ่งมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าพรรค กำลังเดินเกมขยายพื้นที่ในต่างจังหวัด โดยเน้นผู้สมัครที่มีรากฐานท้องถิ่นและเครือข่ายการเมืองเดิม เพื่อสู้กับพรรคใหญ่และกลุ่มการเมืองดั้งเดิมที่ฝังรากมานาน
สำหรับ นายทองมา ทองอ่ำ หรือ “มา” วัย 60 ปี ชาวอำเภอชนแดนโดยกำเนิด ถูกจัดวางเป็น “ตัวหมากประสบการณ์สูง” ในเกมการเมืองเขต 4 ด้วยประวัติการทำงานที่ผ่านทั้งสนามท้องถิ่นและระดับชาติ เคยลงสมัคร สส. ในนามพรรคไทยรักษาชาติ และพรรคไทยสร้างไทย รวมถึงเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกและรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลซับพุทรา หลายสมัย
นอกจากนี้ ยังมีบทบาทเป็นคณะทำงานรัฐมนตรีหลายยุคหลายสมัย อาทิ นายแก้ว บัวสุวรรณ, พลตรี สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี และนายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งสะท้อนสายสัมพันธ์ทางการเมืองและความเข้าใจระบบราชการระดับบน
ขณะที่ผลงานในพื้นที่และการได้รับรางวัล อาทิ อาสาสมัครแรงงานดีเด่นอันดับ 1 ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ปี 2554 และ คนดีศรีสังคมเพชรบูรณ์ ถูกนำมาใช้เป็นทุนทางการเมืองเพื่อสร้างความชอบธรรมและความน่าเชื่อถือ
การเปิดตัวของนายทองมาในนามพรรคโอกาสใหม่ครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการส่งผู้สมัครลงสนาม แต่เป็นการ “เปิดเกมท้าชน” กับกลุ่มการเมืองเดิมในพื้นที่ เขต 4 อย่างตรงไปตรงมา และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนดุลอำนาจ หากสามารถแปลงกระแส “เบื่อการเมืองแบบเดิม” ให้กลายเป็นคะแนนเสียงในคูหาได้จริง









