เกษตรกรเพชรบูรณ์กดดันสำเร็จ รัฐถอยรับข้อเรียกร้องเร่งพยุงราคาข้าวโพด หลังปิดสี่แยกราหุล
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากหลายอำเภอของจังหวัดเพชรบูรณ์นับพันคน รวมตัวปิดสี่แยกราหุล อำเภอบึงสามพัน เพื่อกดดันรัฐบาลให้เร่งหาทางออกปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำและการจำกัดปริมาณการรับซื้อจากโรงงาน โดยมีข้อเรียกร้องหลัก 3 ประการ ได้แก่
1. ให้รัฐบาลชดเชยและประกันราคารับซื้อที่ 7.50 บาท/กิโลกรัม (อ้างอิงความชื้น 30%)
2. กำหนดมาตรการช่วยเหลือพยุงราคาและชดเชยรายได้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนในปี 2568 อย่างเต็มจำนวน
3. คุมเข้มการนำเข้าข้าวโพดจากต่างประเทศ ไม่ให้กระทบราคาผลผลิตในประเทศ
การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ในวันถัดมา (19 ส.ค. 2568) คณะ ส.ส.เพชรบูรณ์ต้องเข้าร่วมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาข้อยุติอย่างเร่งด่วน โดยที่ประชุมมีมติสำคัญ 3 ข้อ คือ
ข้อที่ 1 ให้โรงงานรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามมติ นบขพ. ครั้งที่ 3 โดยกำหนดราคาความชื้น 14.5% ที่ 9.80 บาท/กิโลกรัม (ปลายทาง) หรือ 9 บาท/กิโลกรัม ที่เพชรบูรณ์ และความชื้น 30% ที่ 7.05 บาท/กิโลกรัม พร้อมกำหนดให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 22 สิงหาคม เพื่อเป็นเงื่อนไขในการพิจารณานำเข้าวัตถุดิบทดแทนในอนาคต
ข้อที่ 2 สั่งการให้โรงงานทุกแห่งเปิดรับซื้อผลผลิตตามปกติ โดยจะมีเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในลงพื้นที่ตรวจสอบเข้ม
ข้อที่ 3 ยืนยันการนำเข้าข้าวโพด GMO จะต้องอยู่ภายใต้มาตรการ “3 ต่อ 1” ไม่เกิน 1 ล้านตันตามมติ นบขพ. หากเกิดภาวะขาดแคลนค่อยนำกลับมาพิจารณาใหม่
ภายหลังการเจรจา ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดจังหวัดเพชรบูรณ์ได้แสดงความขอบคุณต่อคณะ ส.ส.ในพื้นที่ รวมถึงสมาคมพ่อค้าแห่งประเทศไทยที่เข้ามามีบทบาทเป็นตัวกลางผลักดัน จนรัฐบาลยอมขยับแก้ปัญหาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นอีกบทพิสูจน์พลังเกษตรกรเพชรบูรณ์ที่สามารถกดดันให้รัฐเร่งทบทวนมาตรการด้านราคาพืชผลการเกษตร หลังปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำกดดันเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง และอาจเป็นแรงสะเทือนต่อการกำหนดนโยบายพืชเศรษฐกิจในระดับประเทศต่อไป.