คืบหน้าความขัดแย้ง “วัดโรงบ่ม – สำนักโรงเจเจ้าพ่อกวนอู” ลุกลามไม่จบ ฉุดภาพลักษณ์พระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย

เพชรบูรณ์ – ความขัดแย้งยืดเยื้อระหว่างวัดโรงบ่มสามัคคี ตำบลยางงาม อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ กับกลุ่มผู้ศรัทธาในสำนักโรงเจเจ้าพ่อกวนอู ยังคงเป็นประเด็นร้อนในพื้นที่ หลังจากต้นเหตุเริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อน เมื่อเจ้าอาวาสในขณะนั้นได้อนุญาตให้สำนักโรงเจฯ เช่าพื้นที่ภายในวัดจัดกิจกรรมศาสนาในรูปแบบจีน แต่กลับเกิดปัญหาการดำเนินกิจกรรมที่ไม่โปร่งใส โดยมีการโฆษณาแจกเงินสดหลักแสนถึงหลักล้านบาท พร้อมโชว์รถยนต์หรู และแลกซิมการ์ดเพื่อรับโทรศัพท์มือถือ สุดท้ายกลับไม่มีผู้เข้าร่วมงานคนใดได้รับของรางวัลตามที่ประชาสัมพันธ์ไว้ สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของวัดและความเชื่อมั่นของชุมชน

ต่อมาทางคณะกรรมการวัดและไวยาวัจกรมีมติยกเลิกสัญญา แต่ทางฝั่งสำนักโรงเจฯ กลับไม่ยอมออกจากพื้นที่ จนนำไปสู่การยื่นฟ้องต่อศาล และศาลมีคำสั่งให้ยุติกิจกรรมทั้งหมดภายในวัดโดยเด็ดขาด แม้จะถูกห้ามใช้พื้นที่ภายในวัด สำนักโรงเจฯ ยังคงเช่าพื้นที่ข้างวัดเพื่อดำเนินกิจกรรมต่อ พร้อมจัดขบวนแห่ช้าง 32 เชือกจากจังหวัดสุรินทร์เข้ามาในพื้นที่เพชรบูรณ์ โดยมีหน่วยงานภาครัฐร่วมงานด้วย แต่กลับมีปัญหาตามมาอีกครั้ง เมื่อมีการร้องเรียนว่าผู้จัดงานไม่จ่ายค่าช้างตามที่ตกลงไว้ กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ฉุดภาพลักษณ์ลงไปอีก

ล่าสุด วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 พระอธิการนุช ฉฬภิณโญ เจ้าอาวาสวัดโรงบ่มสามัคคี ได้ประชุมร่วมกับพระครูวรพัชรศาสน์ วัดหนองไลย์ เจ้าคณะตำบลนาเฉลียง และพระครูปลัดปริยัติวัฒน์ (พระครูโอม) วัดใหม่สามัคคี เลขานุการรองเจ้าคณะตำบล พร้อมคณะกรรมการวัดและไวยาวัจกร มีมติชัดเจนในการขอคืนพื้นที่ โดยได้ร่างหนังสือ 2 ฉบับ

ฉบับแรก เป็นหนังสือแจ้งให้กลุ่มบุคคลที่ยังคงอยู่ในพื้นที่สิ่งปลูกสร้างเดิม ที่ศาลเคยมีคำสั่งให้ออกไปเมื่อครบ 5 ปี ซึ่งขณะนี้พ้นกำหนดผ่อนผันตามคำสั่งศาลแล้ว ให้ย้ายออกจากพื้นที่โดยทันที

ฉบับที่สอง แจ้งว่าทางวัดจะเข้าดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เหลืออยู่ โดยจะนำพื้นที่ดังกล่าวไปก่อสร้างอุโบสถ และสร้างรั้วแสดงแนวเขตวัดตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการวัด ไวยาวัจกร รวมถึงญาติโยมในพื้นที่ที่ให้การสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการรื้อถอนกลับถูกต่อต้านจากกลุ่มลูกศิษย์ของสำนักโรงเจฯ จนเกิดเหตุวุ่นวาย และภาพเหตุการณ์บางส่วนได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดในเชิงลบ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ระหว่างวัดกับชุมชน ซึ่งแต่เดิมเคยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แต่ต้องมาสั่นคลอนด้วยกิจกรรมที่ขาดความโปร่งใส และไม่สอดคล้องกับแนวทางพระพุทธศาสนา

ทางวัดโรงบ่มสามัคคี ยืนยันหนักแน่นในการขอทวงคืนพื้นที่ เพื่อความสงบสุขของวัด และป้องกันไม่ให้มีการแอบอ้างชื่อวัดไปใช้ในกิจกรรมที่บิดเบือนคำสอนพุทธศาสนา ขณะที่ฝ่ายสำนักโรงเจเจ้าพ่อกวนอูยังคงเคลื่อนไหวภายใต้เครื่องแบบลูกศิษย์ โดยมีการจัดกิจกรรมรอบพื้นที่วัดอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนและผู้นำชุมชนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาไกล่เกลี่ย และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา และความสงบสุขของชุมชนในจังหวัดเพชรบูรณ์ต่อไป.