คืบหน้าขบวนการซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก. เพชรบูรณ์ ข้ามมือสู่กลุ่มนายทุน – ผู้ร้องเผยถูกข่มขู่ต่อเนื่อง

วันที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีร้องเรียนการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งกำลังกลายเป็นปัญหาบานปลาย หลังมีข้อมูลว่าที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินถูกซื้อขายเปลี่ยนมืออย่างไม่ถูกต้อง ไปยังกลุ่มนายทุน พร้อมทั้งมีการข่มขู่และคุกคามผู้ครอบครองตัวจริง

กรณีนี้เกี่ยวข้องกับที่ดินแปลง ส.ป.ก. 4-01 หมายเลขสารบัญทะเบียนที่ดิน เลขที่ 3757 เล่ม 38 หน้า 57 ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งได้รับการอนุญาตให้ นางกิมหงส์ พรมพลอย เข้าทำประโยชน์ในเนื้อที่รวม 38 ไร่ 1 งาน 39 ตารางวา ตั้งแต่ปี 2542

ต่อมาเมื่อ นางกิมหงส์ ถึงแก่กรรม นายชูเกียรติ พรมพลอย บุตรชายได้สืบสิทธิ์เข้าทำกินในที่ดินแปลงดังกล่าว โดยปลูกข้าวโพดเพื่อยังชีพ อย่างไรก็ตามในช่วงหลังกลับถูกคุกคามจากบุคคลอ้างสิทธิ์รายใหม่ คือ นางสมพิศ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งอ้างตนเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ดังกล่าว ทำให้นายชูเกียรติต้องเข้าร้องเรียนต่อสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ตั้งแต่ปี 2564 แต่ยังไม่มีความชัดเจน

จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 นายชูเกียรติได้เข้าแจ้งความต่อ สภ.หนองไผ่ หลังถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามพูดคุยไกล่เกลี่ยกันที่บ้านกำนัน แต่ไม่ได้ข้อยุติ

ทั้งนี้มีการเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2554 นางภัทราภรณ์ ซึ่งเป็นพี่สาวของนายชูเกียรติ (เสียชีวิตแล้ว) เคยทำสัญญาซื้อขายที่ดินจำนวน 70 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินประเภท ภบท.5 กับบุคคลอื่นในราคา 600,000 บาท ก่อนจะนำเอกสารการซื้อขายมายื่นอ้างสิทธิ์ต่อสำนักงาน ส.ป.ก. ว่าเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ และมีความพยายามโทรศัพท์ข่มขู่ครอบครัวนายชูเกียรติอยู่เนือง ๆ

ล่าสุด นายชูเกียรติได้เดินทางเข้าพบ นายรุ่งโรจน์ สถาพร หัวหน้าสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าในข้อพิพาทที่ดินแปลงดังกล่าว โดยนายรุ่งโรจน์ระบุว่า จะดำเนินการรวบรวมเอกสารและข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาความถูกต้อง และยืนยันสิทธิ์ของผู้ครอบครองตัวจริงต่อไป

นายชูเกียรติกล่าวทิ้งท้ายว่า สัญญาซื้อขายที่ดินของพี่สาวตนในปี 2554 ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. อีกทั้งมีพื้นที่มากกว่าที่ตนใช้อยู่ในปัจจุบัน จึงเชื่อว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงที่เป็นข้อพิพาทในครั้งนี้

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการซื้อขายที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินที่ยังคงเป็นช่องโหว่ให้กลุ่มนายทุนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ผู้ได้รับสิทธิ์ตัวจริงกลับต้องเผชิญกับแรงกดดันและการคุกคามอย่างต่อเนื่อง.